วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

กฎแห่งกรรม ผลจากการทำแท้ง (Lounge Result of the action of abortion)




กฎแห่งกรรม (ผลของกรรมจากการทำแท้ง)
ผ่านพ้นมา ๙ ชาติ  (ผิดศีลข้อ ๓  มาก ๔-๕ ชาติ)

          เรื่องราวต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของน้องผู้หญิงที่ชื่อเล่นว่า “โอ๋”  น้องมีตัวตนอยู่จริง  ทุกวันนี้น้องยังมีชีวิตอยู่  แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาน้องใช้ชีวิตสุขบ้าง  ทุกข์บ้าง  เจ็บปวดทรมาน บ้างตามอัตภาพของความเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่เกิดมาชดใช้กรรมที่ตัวเองก่อไว้ ในหลายภพหลายชาติ  

บางท่านอาจไม่เชื่อ  บางท่านอาจคิดว่าเป็นเรื่องโกหก  บางท่านก็สนใจใคร่รู้  แต่ผู้เขียนเอง  ณ  ตอนนี้อยากเขียนและบันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้ที่เคยทำแท้งมาแล้ว  เป็นการบอกกล่าวเล่าให้ทราบว่าสิ่งต่าง ๆ ทั้งหลายที่เกิดขึ้นกับน้องโอ๋นั้น   มันสร้างความทรมานมากเพียงไร  ไม่ได้มีเจตนาอื่นใด  นอกจากเล่าไว้  เขียนไว้  บันทึกไว้   หากท่านใดอ่านเจอเรื่องราวนี้ก็อยากให้เป็นเครื่องเตือนใจอย่าได้ทำแท้งก็เท่านั้น



ตั้งแต่ต้นปี ๒๕๕๗  (๑  มกราคม ๒๕๕๗)  เป็นวันแรกที่อาการของโรคที่กำเริบ  ทำให้รู้สึก คือ จะชาที่ฝ่าเท้าทั้ง  ๒ ข้าง  เหมือนคนให้ใส่ถุงเท้าบางๆ ทั้งวันทั้งคืน  ทำให้น้องโอ๋รู้สึกรำคาญว่า  ถ้าบีบ ๆ นวด ๆ งัดเส้น จับเส้นก็คงจะหาย  แต่ได้ลองทำมาทุกอย่างแล้ว  อาการกลับไม่ดีขึ้นมาเลย  มีแต่จะหนักเพิ่มขึ้นทุก ๆ วัน  จากอาการเหมือนใส่ถุงเท้าบางๆ  ก็เป็นถุงเท้าที่หนาขึ้นเรื่อย ๆ  หนาขึ้นเรื่อย ๆ   จนเกิดความชา  ทำให้ขาทั้ง ๒ ข้าง  แข็งไปจนถึงหัวเข่าเหมือนคนใส่เฝือกดามไว้ทั้ง ๒ ข้างแบบนั้น  เป็นอยู่นานหลายเดือน  จนถึงเดือนที่ต้องไปเรียนพลังกายทิพย์ (กลางเดือนมิถุนายน ๒๕๕๗) 

แต่ก่อนจะถึงช่วงนั้น  ตอนนี้น้องโอ๋มีความทรมานมาก  จะลุก  จะเดิน  จะยืน  มันหนักมาก  ชามากจนไม่รู้สึกถึงการมีนิ้วเท้าอยู่เลย  พอน้องโอ๋ได้ไปเรียนพลังกายทิพย์ถึงรู้ว่าอาการที่เป็นอยู่นั้นไม่ได้เกิดจากโรคภัยไข้เจ็บ  หากแต่เกิดจากโรคกรรมเก่านั่นเอง....  เป็นโรคที่เกิดจากการทำแท้งในชาติก่อน ๆ  “แล้วเราทราบได้อย่างไร....ก็มาประมวลผลกับสุขภาพของตัวเราเองก่อนเลย  ว่าตอนนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ  และเรารับรู้ได้จากการฝันเห็นเรื่องราวต่างๆ”  ดังนี้



เมื่อประมาณปี ๒๕๕๑  (น้องโอ๋อายุได้ประมาณ  ๓๐ ปี)  ได้เข้ารับการผ่าตัดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก  แต่ผลปรากฏที่ออกมา  การผ่าตัดครั้งนั้นคุณหมอได้ผ่าเอามดลูกทั้ง ๒ ข้าง,  ปีกมดลูกทั้ง ๒ ข้าง,  ต่อมน้ำเหลืองทั้ง ๒ ข้างออกหมด  ... สรุป –ยกไปหมดทั้งเครื่อง  เหลือแต่โครง...

 ปี ๒๕๕๕  (อายุ  ๓๔  ปี)  มีอาการปวดท้อง  ต้องเข้ารับการรักษาที่ โรงพยาบาลจุฬาฯ  แพทย์วินิจฉัยต้องผ่าตัดกระเพาะอาหาร  แต่ผลสรุปออกมาว่าครั้งนี้ไม่สามารถผ่าตัดได้  เพราะน้องอาจเสียชีวิต  คุณหมอจึงไม่อนุมัติให้ผ่าตัดในวินาทีสุดท้ายก่อนเข้าห้องผ่าตัด  เพราะกลัวว่าน้องอาจจะชีพจรหยุดเต้น อาจหยุดหายใจกะทันหันในระหว่างการผ่าตัด  และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้  ...สรุป-ต้องทรมานต่อไป...

 ปี ๒๕๕๗ (อายุ ๓๖  ปี)  น้องได้ฝันเห็นเรื่องราวต่างๆ ที่เป็นการผิดศีลข้อ ๓  อย่างร้ายแรงในหลาย ๆ ชาติด้วยกัน  เป็นการทำผิดซ้ำ ๆ อยู่นั่นเอง
v ฝันครั้งแรก  ชาตินี้เป็นคนสวย  หน้าตาดี  ฐานะร่ำรวย  แต่มีผู้ชายมาพัวพันมาก  ได้หมดทุกคน  ไม่เลือกหน้า  ผิดศีลข้อ ๓ ทั้งชาติ
v ฝันครั้งที่ ๒  ชาตินี้ก็เป็นคนสวย  หน้าตาดี  ฐานะร่ำรวย  แต่แฟนของเพื่อน  เค้ามาชอบเราและแอบมีความสัมพันธ์ลับหลังเพื่อน  จนเพื่อนรู้ว่ามีความสัมพันธ์กับแฟนตัวเองโดยเพื่อนผู้หญิงมายืนมองอยู่ที่หน้าห้อง  มองมาด้วยสายตาเครียดแค้น  แต่ทำอะไรไม่ได้
v ฝันครั้งที่ ๓  ชาตินี้ก็เหมือนเดิม  แต่หน้าตาตัวเองเปลี่ยนไป  แต่ก็ยังใช้นิสัยเดิม ๆ เห็นภาพของตังเองยืนอยู่เฉย ๆ  พอแฟนของเพื่อนมาก็พากันเดินเข้าห้องไป
v ฝันครั้งที่ ๔  ชาตินี้  เป็นชาติที่พบเจอกับลูก ๆ ทั้ง ๑๔ คนเป็นครั้งแรก  โดยในความฝันนั้นเป็นเหตุการณ์ที่  เทวดาผู้หญิงท่านทรงมาบนก้อนเมฆ  ท่านทวงถามขาทั้ง ๒ ข้างว่า “๘ ชาติที่แล้วเจ้าเคยให้ขาทั้ง ๒ ข้างกับเรา  แล้วชาตินี้เจ้าจะให้เราอีกมั๊ย”  น้องโอ๋ตอบกลับไปว่า “ถ้าชาตินี้ถือว่าเป็นที่สิ้นสุดเวรกรรมต่อกัน  ถ้าท่านอยากได้  เราก็จะให้ ขอให้อโหสิกรรมกันในชาตินี้นะ”  เมื่อพูดตอบกลับไปแบบนั้น  ท่านเทวดาผู้หญิงก็ยิ้มรับแล้วจากไป  แต่ทิ้งคำพูดไว้ว่า “เจ้าต้องรับผิดชอบเด็ก ๆ พวกนี้ทั้ง ๑๔ คน  เค้าเป็นลูกของเจ้า  เราเอามาคืน”  ในความฝันนั้นน้องโอ๋ยืนมองหน้าเด็กน้อยทั้ง ๑๔ คน  ที่ยืนเรียงแถวหน้ากระดาน  ตั้งแต่  ๑๔ ขวบ – ๓ ขวบ  เด็ก ๆ ทุกคนหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส  โผเข้ามากอดเราและเรียกพร้อมกันว่า “แม่จ๋า...หนูคิดถึงแม่”  เราได้แต่ยืนมองเหตุการณ์นี้อยู่ไกลสัก  ๑๐  เมตรได้  ...แล้วก็ตื่นจากความฝัน



            หลังจากนั้นไม่กี่วัน  ผลที่เกิดขึ้นในกาลต่อมา  คราวนี้ความเป็นเฝือกที่ขาค่อย ๆ  จางหายไป  เหลือแต่อาการชา  แต่อาการที่เพิ่มขึ้นทุกวัน  คือ การเกร็งของนิ้วเท้า  ถึงข้อเท้า  เจ็บปวดมากในช่วงแรก  ร้อนเหมือนถูกไฟเผา  สลับกับเย็นเหมือนน้ำแข็งกัด  สลับกันไปมาทั้งคืน  จนนอนร้องไห้แล้วหลับไป  บางคืนต้องนอนร้องไห้จนเกือบรุ่งเช้าโดยที่ไม่ได้หลับ  บางคืนเกร็งที่เท้าบริเวณนิ้วโป้ง  ปวดทรมานมาก  (จนมารู้เอาว่า....อ๋อ! อาการนี้เกิดจากลูก ๆ ทั้งหลายของเราเค้ามาอาศัยอยู่ในบริเวณเท้าทั้งสองข้างของเรานั่นเอง.... )  บางวันฝ่าเท้าจะบุ๋มลึกลงไป  เดินแล้วทำให้ปวด  จนต้องขออโหสิกรรมกัน  แล้วคุยกับลูก ๆ   เมื่อลูก ๆ ให้อภัย ไม่โกรธ  ไม่แค้น  แต่ยังอยากอยู่กับแม่  ลูกบางคนยอมอโหสิกรรม  ไปถือศีล  ไปเกิดแล้วก็มี  ตอนนี้เหลืออยู่ ๑๐ คน  (ชาย ๕ คน , หญิง ๕ คน)  อยู่กองรวมกันที่บริเวณเท้าข้างซ้ายของแม่  ตอนนี้โอ๋ไม่เจ็บ  ไม่ปวดมากเหมือนแต่ก่อน  ด้วยเพราะโอ๋เองพยายามรักษาศีล ๕   กินเจ  แผ่เมตตาให้กับลูก ๆ ทั้งหลาย  เพื่อขออโหสิกรรมกับลูกๆ  และก็อโหสิกรรม-อุทิศผลบุญที่ทำทั้งหลายทั้งมวลให้กับลูก  
เวรกรรมในชาติก่อน  ส่งผลมาถึงชาตินี้   ถ้าเจ้ากรรมนายเวรท่านได้พบคุณแล้วหล่ะก็   ไม่ว่ายังไงท่านก็จะต้องชดใช้ให้เค้าเหล่านั้นไม่ว่าทางใด ก็ทางหนึ่งอย่างแน่นอน....


บทสรุปของกฎแห่งกรรม...
 บรรดาผู้หญิงของผู้ชายที่เราไปมีความสัมพันธ์ด้วย  ผู้หญิงเหล่านั้นเค้าหวงผู้ชายของเค้า  โกรธแค้นเรามาก  แต่ผู้หญิงเหล่านั้นทำอะไรไม่ได้  ได้แต่ยืนมอง
เพื่อนสนิทของเราเอง  อิจฉาในทุกๆ เรื่อง ทุก ๆ อย่างของเรา....(ด้วยเหตุที่ : เราสวย, เก่ง, ฉลาด, ใครเห็นใครก็รัก, เป็นที่รักของทุกคน, ผู้ชายเห็นก็รักก็ชอบ)...เพื่อนคนนี้นั่งหลังเรา  พอเรารู้ก็ตกใจ.... ***ปลง***

เป็นเจ้าของคลับ เจ้าของบาร์ เจ้าของโรงละคร  ชอบแต่งตัว  สวย รวย เก่ง ฉลาด  แต่ก็โดนเพื่อนผู้หญิงอิจฉา  ริษยา  ก็ไม่พ้นเรื่องมีผู้ชายมาพัวพัน  แต่ไม่ได้เล่นด้วย  ยิ่งทำให้เกิดความอิจฉาเข้าไปอีก

                    ทุกสิ่งจากการกระทำของเรา  โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็อาจสร้างความโกรธ   ความแค้น   ความอาฆาต ความพยาบาท  การจองเวร  ไม่มีที่สิ้นสุด สร้างกรรมข้ามภพข้ามชาติไม่จบสิ้นโดยไม่รู้ตัว ไม่เกรงกลัวต่อบาปกรรม  
                   แต่เมื่อเราเกิดมาและได้รับรู้ผลของกรรมเหล่านั้นแล้ว  เราสามารถสร้างความดีขออโหสิกรรมได้ ... แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นต้องทำด้วยความตั้งใจจริง ความเพียรอดทน ความมีเมตตา  ถือศีล ทำสมาธิภาวนา วิปัสสนากรรมฐานอุทิศผลบุญที่เราสร้างให้เค้า......(..ก็อยู่ที่เค้าแล้วหล่ะว่า..จะยอมอโหสิกรรมให้เราหรือไม่...)

วันอังคารที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ชาติผูกพันสัญญา (Binding Agreement On)


ชาติผูกพันสัญญา  (สัญญาต่อกันไว้)
ผ่านพ้นมา ๒ ชาติ 

เรื่องราวของเด็กผู้หญิง กับ พี่ชาย  (รักกันมากเกินกว่าความเป็นพี่น้อง, พ่อแม่ไม่รู้)


     เด็กผู้หญิงพึ่งแรกคลอด  พ่อแม่เค้าเหมือนเป็นคนที่เรารู้จัก (ญาติ, พี่น้อง, เพื่อน) เค้าไม่มีเวลาเลี้ยงดูลูก  มาขอให้เราเป็นพี่เลี้ยง  เราเห็นหน้าเด็กคนนั้นก็รู้สึกรักและเอ็นดู  จึงตกปากรับคำว่าจะเลี้ยงดูให้เอง  น้องออกจะน่ารัก  เลี้ยงไปได้ไม่นาน  เราก็ต้องมีอันต้องเลิกเลี้ยงต้องลาจากไป  พ่อแม่เค้าก็เสียดาย  และน้องก็ร้องไห้  เราก็ร้องไห้แล้วต่างก็กล่าวขอโทษกันและจากกันขึ้นรถไป  มารู้ข่าวอีกทีน้องได้ตายแล้ว  เหมือนไม่มีคนเลี้ยงดู  พอมาถึงวันเกิดเหตุการณ์เรานอนอยู่กำลังพลิกตะแคงข้าง  น้องในวัยคลานน่ารัก ปีนป่ายจากข้างหลังมาที่แขนและชะโงกหน้ามาถามว่า “ไหนว่าจะไม่ทิ้งหนูไง”  ตอนนั้นชัดเจนมาก  น่ากลัวมาก และพร้อมกันนั้นก็น่าสงสารมาก หลากหลายอารมณ์   ตอนกลางคืนก็ได้ยินเสียงกระพรวนข้อเท้าดังเหมือนกำลังปีนขึ้นบันไดมาหา  หลังจากนั้นไม่นาน  ก็ได้คำตอบว่า เป็นการผูกพันสัญญาด้วยความรัก  ทำให้น้องเค้ามาตามหา  เมื่อหาเราเจอในชาตินี้โอ๋ก็ต้องขออโหสิกรรมและอโหสิกรรมให้กับน้องเค้าด้วยว่าเราจะไม่ผูกกรรมต่อกัน  เราจะไม่ยึดติดกับคำมั่นสัญญา  ขอให้น้องได้ไปเกิดในภพภูมิที่ดีเพื่อจะได้ไม่ต้องมาผูกเวร ผูกกรรมต่อกันอีก  **ภายหลังก็ฝันว่าได้อุ้มน้อง  และน้องก็บอกว่าจะไปเกิดแล้วนะค่ะ...”ขอบคุณนะค่ะ...รักนะค่ะ”...  แล้วน้องก็หายไปไม่มาให้เห็นและได้ยินเสียงอีกเลย


    ถ พี่ชายที่แสนดี  เรื่องก็มีอยู่ว่า  เราถูกเลี้ยงด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก  ผูกพันกันมาก  รักกันมาก  แต่ไม่รู้ว่ารักนั้นเกินคำว่าพี่ชายไปแล้ว  แต่พี่ชายรู้ตัวมาตลอดว่า  เราไม่ใช่พี่น้องกันแท้ ๆ ...เรื่องที่เกิดขึ้นก็คือ  เราอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง  ที่พี่ชายเค้าพาขึ้นไปดูวิวว่าสวยมั๊ย...ชอบมั๊ย...  บ้านหลังนี้  เราก็บอกว่าสวยดี  และชอบมาก  สักพักหนึ่งฝนตกต่างคนก็วิ่งไปปิดหน้าต่าง  เราเดินมาที่อีกห้องหนึ่ง  เปิดเข้าไปก็มีตะปู  เศษแก้วแตกและกระจายเกลื่อนพื้นหน้าห้อง  พอเราเดินเข้าไปก็เหยียบโดนจนเลือดไหล  พี่ชายเค้าเข้ามาประคองแล้วรู้สึกผิดที่ปล่อยให้น้องเข้าไปคนเดียว  พอคลาดสายตานิดเดียวน้องก็ได้เลือดเลย  พี่ชายจึงขอโทษแล้ว  ขอโทษอีก  บอกไม่น่าจะปล่อยน้องให้อยู่คนเดียวเลย...พี่ชายรู้สึกถึงความเป็นห่วงมากมาย  ความรักมากมาย  ทำให้พอพี่ชายมาเจอเราในชาตินี้  ก็ตามมาอยู่ที่ขา  เช่นเดียวกัน  ก็เลยบอกเค้าว่าอโหสิกรรมกันนะ  บอกรัก โลภ โกรธ หลง  เป็นหนทางแห่งทุกข์  ขอให้ปล่อยทุกข์นั้นเสียและไปสู่ภพภูมิที่ดี...(ภาพพาขึ้นบันได  ยังให้เอาฝ่าเท้าของเราเหยียบลงบนหลังเท้าของพี่เค้า  แล้วพี่ชายก็อุ้มประคองขึ้นบันได...ไม่ยอมให้เดินเอง..ความรัก  ความห่วงใย  ความหวง  ...***อนิจจัง***



                        บทสรุปของกฎแห่งกรรม

    ถ  เรื่องของผู้ปกป้องกลับชาติมาเกิด ก็เพื่อต้องทำหน้าที่ปกป้อง  คือ  มีผู้นำลัทธิหรือเทพแห่งลัทธิ  หรือ เทพที่ผู้คนนับถือ  เวลานั้นเหมือนจะเกิดสงครามทำลายล้างเผ่าพันธุ์  เรายืนปกป้องด้วย 2 มือที่ถือดาบ  ปกป้องเทพเจ้าของเราสุดกำลัง  ไม่หวั่น  ไม่กลัว  ยืนจังก้าหันหน้าหาศัตรู  ตั้งท่าเตรียมพร้อมอยู่อย่างนั้น  แต่ก็ไม่ได้รบกับใครเป็นเพียงแต่ยืนทำท่าปกป้องอยู่แบบนั้นเอง