กฎแห่งกรรม (ผลของกรรมจากการทำแท้ง)
ผ่านพ้นมา ๙ ชาติ (ผิดศีลข้อ ๓ มาก ๔-๕ ชาติ)
เรื่องราวต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของน้องผู้หญิงที่ชื่อเล่นว่า
“โอ๋” น้องมีตัวตนอยู่จริง ทุกวันนี้น้องยังมีชีวิตอยู่ แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาน้องใช้ชีวิตสุขบ้าง ทุกข์บ้าง
เจ็บปวดทรมาน บ้างตามอัตภาพของความเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่เกิดมาชดใช้กรรมที่ตัวเองก่อไว้
ในหลายภพหลายชาติ
บางท่านอาจไม่เชื่อ บางท่านอาจคิดว่าเป็นเรื่องโกหก บางท่านก็สนใจใคร่รู้ แต่ผู้เขียนเอง ณ
ตอนนี้อยากเขียนและบันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้ที่เคยทำแท้งมาแล้ว เป็นการบอกกล่าวเล่าให้ทราบว่าสิ่งต่าง ๆ
ทั้งหลายที่เกิดขึ้นกับน้องโอ๋นั้น
มันสร้างความทรมานมากเพียงไร
ไม่ได้มีเจตนาอื่นใด
นอกจากเล่าไว้ เขียนไว้ บันทึกไว้
หากท่านใดอ่านเจอเรื่องราวนี้ก็อยากให้เป็นเครื่องเตือนใจอย่าได้ทำแท้งก็เท่านั้น
ตั้งแต่ต้นปี
๒๕๕๗ (๑
มกราคม ๒๕๕๗)
เป็นวันแรกที่อาการของโรคที่กำเริบ
ทำให้รู้สึก คือ จะชาที่ฝ่าเท้าทั้ง
๒ ข้าง เหมือนคนให้ใส่ถุงเท้าบางๆ
ทั้งวันทั้งคืน ทำให้น้องโอ๋รู้สึกรำคาญว่า ถ้าบีบ ๆ นวด ๆ งัดเส้น จับเส้นก็คงจะหาย แต่ได้ลองทำมาทุกอย่างแล้ว อาการกลับไม่ดีขึ้นมาเลย มีแต่จะหนักเพิ่มขึ้นทุก ๆ วัน จากอาการเหมือนใส่ถุงเท้าบางๆ ก็เป็นถุงเท้าที่หนาขึ้นเรื่อย ๆ หนาขึ้นเรื่อย ๆ จนเกิดความชา
ทำให้ขาทั้ง ๒ ข้าง
แข็งไปจนถึงหัวเข่าเหมือนคนใส่เฝือกดามไว้ทั้ง ๒ ข้างแบบนั้น เป็นอยู่นานหลายเดือน จนถึงเดือนที่ต้องไปเรียนพลังกายทิพย์
(กลางเดือนมิถุนายน ๒๕๕๗)
แต่ก่อนจะถึงช่วงนั้น ตอนนี้น้องโอ๋มีความทรมานมาก จะลุก
จะเดิน จะยืน มันหนักมาก
ชามากจนไม่รู้สึกถึงการมีนิ้วเท้าอยู่เลย
พอน้องโอ๋ได้ไปเรียนพลังกายทิพย์ถึงรู้ว่าอาการที่เป็นอยู่นั้นไม่ได้เกิดจากโรคภัยไข้เจ็บ หากแต่เกิดจากโรคกรรมเก่านั่นเอง.... เป็นโรคที่เกิดจากการทำแท้งในชาติก่อน ๆ
“แล้วเราทราบได้อย่างไร....ก็มาประมวลผลกับสุขภาพของตัวเราเองก่อนเลย ว่าตอนนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ และเรารับรู้ได้จากการฝันเห็นเรื่องราวต่างๆ” ดังนี้
ถ เมื่อประมาณปี
๒๕๕๑ (น้องโอ๋อายุได้ประมาณ ๓๐ ปี)
ได้เข้ารับการผ่าตัดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก แต่ผลปรากฏที่ออกมา การผ่าตัดครั้งนั้นคุณหมอได้ผ่าเอามดลูกทั้ง ๒
ข้าง, ปีกมดลูกทั้ง ๒ ข้าง, ต่อมน้ำเหลืองทั้ง ๒ ข้างออกหมด ... สรุป –ยกไปหมดทั้งเครื่อง เหลือแต่โครง...
ถ ปี
๒๕๕๕ (อายุ ๓๔
ปี) มีอาการปวดท้อง ต้องเข้ารับการรักษาที่ โรงพยาบาลจุฬาฯ แพทย์วินิจฉัยต้องผ่าตัดกระเพาะอาหาร แต่ผลสรุปออกมาว่าครั้งนี้ไม่สามารถผ่าตัดได้ เพราะน้องอาจเสียชีวิต
คุณหมอจึงไม่อนุมัติให้ผ่าตัดในวินาทีสุดท้ายก่อนเข้าห้องผ่าตัด เพราะกลัวว่าน้องอาจจะชีพจรหยุดเต้น
อาจหยุดหายใจกะทันหันในระหว่างการผ่าตัด
และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
...สรุป-ต้องทรมานต่อไป...
ถ ปี
๒๕๕๗ (อายุ ๓๖ ปี) น้องได้ฝันเห็นเรื่องราวต่างๆ
ที่เป็นการผิดศีลข้อ ๓ อย่างร้ายแรงในหลาย
ๆ ชาติด้วยกัน เป็นการทำผิดซ้ำ ๆ
อยู่นั่นเอง
v ฝันครั้งแรก ชาตินี้เป็นคนสวย หน้าตาดี
ฐานะร่ำรวย แต่มีผู้ชายมาพัวพันมาก ได้หมดทุกคน
ไม่เลือกหน้า ผิดศีลข้อ ๓ ทั้งชาติ
v ฝันครั้งที่
๒ ชาตินี้ก็เป็นคนสวย หน้าตาดี
ฐานะร่ำรวย แต่แฟนของเพื่อน
เค้ามาชอบเราและแอบมีความสัมพันธ์ลับหลังเพื่อน จนเพื่อนรู้ว่ามีความสัมพันธ์กับแฟนตัวเองโดยเพื่อนผู้หญิงมายืนมองอยู่ที่หน้าห้อง มองมาด้วยสายตาเครียดแค้น แต่ทำอะไรไม่ได้
v ฝันครั้งที่
๓ ชาตินี้ก็เหมือนเดิม แต่หน้าตาตัวเองเปลี่ยนไป แต่ก็ยังใช้นิสัยเดิม ๆ
เห็นภาพของตังเองยืนอยู่เฉย ๆ
พอแฟนของเพื่อนมาก็พากันเดินเข้าห้องไป
v ฝันครั้งที่
๔ ชาตินี้ เป็นชาติที่พบเจอกับลูก ๆ ทั้ง ๑๔
คนเป็นครั้งแรก
โดยในความฝันนั้นเป็นเหตุการณ์ที่
เทวดาผู้หญิงท่านทรงมาบนก้อนเมฆ
ท่านทวงถามขาทั้ง ๒ ข้างว่า “๘ ชาติที่แล้วเจ้าเคยให้ขาทั้ง ๒
ข้างกับเรา
แล้วชาตินี้เจ้าจะให้เราอีกมั๊ย”
น้องโอ๋ตอบกลับไปว่า “ถ้าชาตินี้ถือว่าเป็นที่สิ้นสุดเวรกรรมต่อกัน ถ้าท่านอยากได้ เราก็จะให้ ขอให้อโหสิกรรมกันในชาตินี้นะ” เมื่อพูดตอบกลับไปแบบนั้น ท่านเทวดาผู้หญิงก็ยิ้มรับแล้วจากไป แต่ทิ้งคำพูดไว้ว่า “เจ้าต้องรับผิดชอบเด็ก ๆ
พวกนี้ทั้ง ๑๔ คน เค้าเป็นลูกของเจ้า เราเอามาคืน”
ในความฝันนั้นน้องโอ๋ยืนมองหน้าเด็กน้อยทั้ง ๑๔ คน ที่ยืนเรียงแถวหน้ากระดาน ตั้งแต่
๑๔ ขวบ – ๓ ขวบ เด็ก ๆ
ทุกคนหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส
โผเข้ามากอดเราและเรียกพร้อมกันว่า “แม่จ๋า...หนูคิดถึงแม่” เราได้แต่ยืนมองเหตุการณ์นี้อยู่ไกลสัก ๑๐
เมตรได้ ...แล้วก็ตื่นจากความฝัน
หลังจากนั้นไม่กี่วัน ผลที่เกิดขึ้นในกาลต่อมา คราวนี้ความเป็นเฝือกที่ขาค่อย ๆ จางหายไป เหลือแต่อาการชา แต่อาการที่เพิ่มขึ้นทุกวัน คือ การเกร็งของนิ้วเท้า ถึงข้อเท้า
เจ็บปวดมากในช่วงแรก
ร้อนเหมือนถูกไฟเผา สลับกับเย็นเหมือนน้ำแข็งกัด สลับกันไปมาทั้งคืน จนนอนร้องไห้แล้วหลับไป
บางคืนต้องนอนร้องไห้จนเกือบรุ่งเช้าโดยที่ไม่ได้หลับ บางคืนเกร็งที่เท้าบริเวณนิ้วโป้ง ปวดทรมานมาก
(จนมารู้เอาว่า....อ๋อ! อาการนี้เกิดจากลูก ๆ
ทั้งหลายของเราเค้ามาอาศัยอยู่ในบริเวณเท้าทั้งสองข้างของเรานั่นเอง.... ) บางวันฝ่าเท้าจะบุ๋มลึกลงไป เดินแล้วทำให้ปวด จนต้องขออโหสิกรรมกัน แล้วคุยกับลูก ๆ เมื่อลูก ๆ ให้อภัย ไม่โกรธ ไม่แค้น
แต่ยังอยากอยู่กับแม่
ลูกบางคนยอมอโหสิกรรม
ไปถือศีล ไปเกิดแล้วก็มี ตอนนี้เหลืออยู่ ๑๐ คน (ชาย ๕ คน , หญิง ๕ คน) อยู่กองรวมกันที่บริเวณเท้าข้างซ้ายของแม่ ตอนนี้โอ๋ไม่เจ็บ ไม่ปวดมากเหมือนแต่ก่อน ด้วยเพราะโอ๋เองพยายามรักษาศีล ๕ กินเจ
แผ่เมตตาให้กับลูก ๆ ทั้งหลาย
เพื่อขออโหสิกรรมกับลูกๆ และก็อโหสิกรรม-อุทิศผลบุญที่ทำทั้งหลายทั้งมวลให้กับลูก
บทสรุปของกฎแห่งกรรม...
ถ บรรดาผู้หญิงของผู้ชายที่เราไปมีความสัมพันธ์ด้วย ผู้หญิงเหล่านั้นเค้าหวงผู้ชายของเค้า โกรธแค้นเรามาก แต่ผู้หญิงเหล่านั้นทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนมอง
ถ เพื่อนสนิทของเราเอง อิจฉาในทุกๆ เรื่อง ทุก ๆ
อย่างของเรา....(ด้วยเหตุที่ : เราสวย, เก่ง,
ฉลาด, ใครเห็นใครก็รัก, เป็นที่รักของทุกคน,
ผู้ชายเห็นก็รักก็ชอบ)...เพื่อนคนนี้นั่งหลังเรา
พอเรารู้ก็ตกใจ.... ***ปลง***
ถ เป็นเจ้าของคลับ
เจ้าของบาร์ เจ้าของโรงละคร
ชอบแต่งตัว สวย รวย เก่ง ฉลาด แต่ก็โดนเพื่อนผู้หญิงอิจฉา ริษยา
ก็ไม่พ้นเรื่องมีผู้ชายมาพัวพัน
แต่ไม่ได้เล่นด้วย
ยิ่งทำให้เกิดความอิจฉาเข้าไปอีก
ทุกสิ่งจากการกระทำของเรา โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็อาจสร้างความโกรธ ความแค้น ความอาฆาต ความพยาบาท การจองเวร ไม่มีที่สิ้นสุด สร้างกรรมข้ามภพข้ามชาติไม่จบสิ้นโดยไม่รู้ตัว ไม่เกรงกลัวต่อบาปกรรม
แต่เมื่อเราเกิดมาและได้รับรู้ผลของกรรมเหล่านั้นแล้ว เราสามารถสร้างความดีขออโหสิกรรมได้ ... แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นต้องทำด้วยความตั้งใจจริง ความเพียรอดทน ความมีเมตตา ถือศีล ทำสมาธิภาวนา วิปัสสนากรรมฐานอุทิศผลบุญที่เราสร้างให้เค้า......(..ก็อยู่ที่เค้าแล้วหล่ะว่า..จะยอมอโหสิกรรมให้เราหรือไม่...)